Title Tag SEO: คืออะไร? แล้วสำคัญแค่ไหน ทำไมคุณต้องรู้และใส่ใจ

          ในระหว่างที่ผู้คนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างใน Google ผู้คนมักเลือกที่จะคลิกเข้าไปใน หัวข้อที่น่าสนใจ หรือ เลือกในลำดับแรกๆ เสมอ เป็นเหตุผลว่า ทำไม เราต้อง ทำ Title SEO ให้ถูกต้อง และมีความน่าสนใจ

หากคุณต้องการดึงดูดการคลิกมากขึ้นสำหรับเว็บไซต์ของเพื่อนๆ คุณจำเป็นต้องรู้วิธีเขียน Title tag ที่พิเศษกว่าคนอื่น การเพิ่มประสิทธิภาพ Title tag ของคุณ เป็นส่วนสำคัญของการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา (SEO) ซึ่งทำได้ง่ายๆ โดยใช้เครื่องมือ ที่เรียกว่า SEO Tools.

โดย การปรับแต่ง Title SEO เป็น กลยุทย์การตลาดดิจิทัลที่จะช่วยให้อันดับการค้นหาของคุณสูงขึ้น แม้ว่าจะมีอะไรมากกว่านี้อีกมากมาย แต่เชื่อผมเถอะ ณ ตอนนี้ยังสำคัญที่จะต้องเรียนรู้กับมัน

จากตรงนั้น คุณจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการนี้โดยทำตามขั้นตอนเหล่านี้:

• ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าเว็บแต่ละหน้ามี Title tag
• สร้าง Title tag รอบคำหลักเป้าหมายของคุณ
• ใช้ภาษาที่มีพลังและน่าคลิก
• จัดรูปแบบ Title tag ของคุณอย่างถูกต้อง
• ใช้ Google Search Console เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ CTR . ของคุณ

อ่านเพื่อเรียนรู้ว่า Title tag คืออะไร และจะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องมือค้นหาได้อย่างไร

Title tag SEO คืออะไร?

          แล้ว Title tag คืออะไรล่ะ? Title tag เป็นองค์ประกอบของเว็บไซต์ที่แสดงถึงชื่อเรื่องของหน้าเว็บ Title tag จะแสดงในตำแหน่งสำคัญสองสามแห่ง:

• หน้าผลการค้นหา: เมื่อคุณค้นหาใน Google คุณจะพบรายการผลการค้นหาเป็นข้อความสีน้ำเงิน นี่ล่ะ Title tag 

• แท็บเว็บเบราว์เซอร์: เมื่อคุณเปิดหน้าเว็บ Title tag จะแสดงในแท็บของเว็บเบราว์เซอร์ของคุณ
  

CTR คืออะไร และทำไมจึงสำคัญ

          นั้นสิ CTR คืออะไร แม้ว่า Title tag จะมีอักขระเพียง 60 ตัว แต่ก็มีผลกระทบอย่างมากต่ออัตราการคลิกผ่าน (CTR) ของหน้าเว็บของคุณ

          CTR วัดเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เห็นผลการค้นหาของคุณและเลือกที่จะคลิกพวกเขา คุณสามารถคำนวณ CTR ของคุณโดยการหารจำนวนคลิกที่คุณได้รับด้วยจำนวนการแสดงผลที่คุณได้รับ การแสดงผลเป็นเพียงผู้ที่เห็นหน้าเว็บของคุณในผลการค้นหา

ทำไมคุณควรให้ความใส่ใจ CTR ของเว็บไซต์ของคุณ?

CTR มีนัยสำคัญด้วยเหตุผลบางประการ:

มันช่วยคุณประเมินประสิทธิภาพของ Title tag ของคุณ: CTR ให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่า ว่า Title tag ของคุณทำงานได้ดีเพียงใด ถ้าคนดูเพจคุณเยอะ แต่คนคลิกน้อย นั่นเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Title tag ของคุณต้องได้รับการอัปเดตหรือปรับปรุงให้ดีขึ้น ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ Title tag ของคุณ เพื่อทำให้ CTR ของคุณเพิ่มขึ้น

ส่งผลกระทบต่อลักษณะที่ปรากฏของเครื่องมือค้นหา: เป็นหน้าที่ของ Google ในการให้ผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาของผู้ใช้มากที่สุด ในสายตาของ Google หน้าเว็บที่ได้รับการคลิกมีความเกี่ยวข้องมากกว่าหน้าที่ไม่มีการคลิก ในทางกลับกัน Google พิจารณา CTR ของเพจของคุณเพื่อพิจารณาการจัดอันดับของคุณ

ส่งผลกระทบต่อการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ: การเพิ่ม CTR ของหน้าเว็บหมายความว่าคุณจะได้รับการเข้าชมมากขึ้น การเข้าชมมากขึ้นหมายถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามากขึ้น ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ Title tag ของคุณ คุณจะเพิ่ม CTR และเพิ่มศักยภาพของการจัดอันดับของคุณด้วย

วิธีเพิ่มประสิทธิภาพ Title tag SEO และเพิ่ม CTR

เพื่อให้ผู้ค้นหาคลิก คุณจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพ Title tag ของคุณให้เหมาะสม และนี่คือเคล็ดลับ SEO บางส่วน:

ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าเว็บแต่ละหน้ามี Title tag

          ขั้นแรก คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าแต่ละหน้าบนเว็บไซต์ของคุณ มี Title tag เฉพาะของตัวเอง แม้แต่หน้าไม่ชัดเจน เช่น หน้าผู้เขียนบล็อก ก็จำเป็นต้องมี Title tag

          หากคุณลืมสร้าง Title tag สำหรับหน้าเว็บของคุณ Google จะสร้าง Title tag ให้คุณโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม Title tag นี้อาจไม่ดีเท่า Title tag ที่คุณสร้างขึ้นมาเอง

          นอกจากนี้ ถ้าคุณไม่เขียน Title tag  คุณจะไม่ได้รับผลประโยชน์ SEO จากการวางคำหลักที่กำหนดเป้าหมาย เพื่อให้ปรากฏในเครื่องมือค้นหาของ Google สำหรับคำหลัก (คำค้นหา) คุณต้องรวมไว้ใน Title tag ของคุณ เช่นเดียวกับคำอธิบายเมตา แท็ก H1 ลิงก์ URL และ web page copy. 

ขั้นตอนที่ 2: สร้าง Title tag รอบคำหลักเป้าหมายของคุณ

          Title tag SEO ต้องมีคำหลักเป้าหมายของคุณ สิ่งนี้จะบอกทั้ง Google และผู้ค้นหาว่าหน้าของคุณเกี่ยวข้องกับข้อความค้นหานี้ นอกจากนี้ ผู้ค้นหามีแนวโน้มที่จะคลิกบนหน้าเว็บมากขึ้นหากพวกเขาเห็นคำหลักหรือวลีคำหลักที่พวกเขาเพิ่งพิมพ์ใส่ไป

หน้าส่วนใหญ่ปรากฏสำหรับคำหลักหลายคำพร้อมกัน ในการเพิ่มประสิทธิภาพ ของTitle tag สำหรับคำหลักหลายคำ ให้เพิ่มตัวแก้ไขบางคำให้กับคำหลักของคุณเพื่อสร้างรูปแบบหางยาวสองสามแบบ เช่น ตัวอย่าง การเลือกอุปกรณ์กางเต้นท์อย่างถูกต้อง:

• คำค้นหาหลัก : อุปกรณ์กางเต้นท์
• คีย์เวิร์ดหางยาวคำแรก: “การเลือกอุปกรณ์กางเต้นท์”
• คำหลักหางยาวที่สอง: “การเลือกอุปกรณ์กางเต้นท์อย่างถูกต้อง”

การรวมคำค้นหาง่ายๆ เข้าด้วยกัน คุณสามารถเพิ่มการมองเห็นหน้าเว็บของคุณ สำหรับคำหลักที่เกี่ยวข้องหลายคำพร้อมกัน

คุณควรวางคำหลักของคุณไว้ที่ไหนใน Title tag

          ผู้เชี่ยวชาญ SEO หลายคนแนะนำให้วางคำหลักของคุณไว้ใกล้กับจุดเริ่มต้นของ Title tag สิ่งนี้เรียกว่าการโหลดคำหลักล่วงหน้าโดยมีประโยชน์ดังต่อไปนี้:

ดึงดูดความสนใจของผู้ค้นหา: เนื่องจากผู้อ่านภาษาอังกฤษอ่านจากซ้ายไปขวา การใช้คีย์เวิร์ดของคุณตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ผู้ค้นหาเห็นได้ทันที ผู้คนจะเหลือบดูผลการค้นหาสักครู่ก่อนที่จะเลือกว่าจะคลิกใด ดึงดูดความสนใจของพวกเขาก่อน วิธีนี้จะทำให้คุณมีโอกาสได้รับการคลิกมากขึ้น

เพิ่มการมองเห็นของคุณ: ดังที่ได้กล่าวไว้ Google ให้ความสำคัญกับความเกี่ยวข้อง การวางคำหลักของคุณใกล้กับแท็กชื่อของคุณมากขึ้น Google จะเห็นว่าหน้าของคุณมีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหามากขึ้น แม้ว่าผลกระทบอาจจะน้อย แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะติดอันดับสูงขึ้นเล็กน้อยในหน้าผลการค้นหาของ Google

แม้ว่าการโหลดคำหลักล่วงหน้าจะเหมาะสมที่สุด แต่อย่าเครียดกับคำหลักมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแท็กชื่อของคุณฟังดูดีกว่าด้วยตำแหน่งคำหลักอื่น ความสำคัญสูงสุดของคุณคือการดึงดูดการคลิกจากผู้ค้นหา

ขั้นตอนที่ 3: ใช้ภาษาที่มีพลังและน่าคลิก

เมื่อคุณกำหลดคีย์เวิร์ดของคุณได้แล้ว ก็ถึงเวลาสรรค์สร้าง  Title tag ของคุณต้องดึงดูดความสนใจ กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นและดึงดูดให้ผู้คนให้คลิก ต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางอย่างที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริง:

1. ใช้ “คำพูดที่ทรงพลัง”

Title tag ที่น่าดึงดูดใจใช้ภาษาที่ทรงพลัง “คำพูดที่ทรงพลัง” ปรับปรุง Title tag โดยกระตุ้นอารมณ์และส่งต่อเนื้อหาที่มีค่า พวกเขาทำให้ผู้อ่านรู้สึกตื่นเต้นที่จะรู้ในอีกแง่มุม ของผลการค้นหาคืออะไร

ต่อไปนี้คือตัวอย่างของคำที่ทรงพลัง:

• เร็ว
• ง่าย
• เรียบง่าย
• ยอดเยี่ยม
• อย่างง่ายดาย
• น่าจดจำ
• เป็นขั้นเป็นตอน
• น่าแปลกใจ
• พิสูจน์แล้ว
• รายละเอียด
• จำเป็น
• ขีดสุด
• ที่สุด

คำเหล่านี้สามารถยกระดับ Title tag ที่น่าเบื่อได้อย่างรวดเร็ว การรวมคำที่มีอำนาจเข้ากับคำหลักของคุณ หมายความว่าคุณมี Title tagที่จะเพิ่ม CTR ของคุณได้อย่างมาก

2. ใช้ความแตกต่าง

          ให้โดดเด่นจากผลการค้นหาอื่นๆ เน้นสิ่งที่ทำให้หน้าของคุณแตกต่างจากที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นบล็อกโพสต์หรือหน้าบริการ ถามตัวเองว่า "อะไรทำให้เนื้อหาของฉันไม่เหมือนใคร" ทำให้เป็นที่รู้จักใน Title tag ของคุณ

นี่คือคุณสมบัติบางอย่างที่ควรพิจารณา:

ความลึกของเนื้อหา: บางครั้งผู้เยี่ยมชมต้องการค้นหาทุกสิ่งที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับหัวข้อทั้งหมดในที่เดียว หากบทความของคุณใช้แนวทางในเชิงลึก ทำให้เป็นที่รู้จัก ตัวอย่าง: “จะเป็นSEO Expest ได้อย่างไร? [คำแนะนำทีละขั้นตอนโดยละเอียด]” หรือ “ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการปืนเขา”

จำนวนนับ: โพสต์บล็อกจำนวนมากใช้รูปแบบรายการ เนื่องจากรายการง่ายต่อการจัดระเบียบและดึงดูดผู้อ่าน ถ้าหน้าเว็บของคุณอยู่ในประเภทนี้ ใช้รายการของคุณเป็นจำนวนนับเพื่อแยกความแตกต่างของบทความในบล็อกของคุณ ตัวอย่างเช่น: “21 วิธีในการปรับปรุงสุขภาพของคุณ” หรือ “15 สูตรอาหารที่เป็นมิตรกับอาหารแสนอร่อย”

ประสิทธิภาพ: เวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนจำนวนมาก ดึงดูดกลุ่มนี้โดยเน้นที่ความเร็วและประสิทธิภาพของเนื้อหาของคุณ ตัวอย่างเช่น: “วิธีประกอบเฟอร์นิเจอร์ IKEA ใน 10 นาที” หรือ “5 วิธีที่รวดเร็วและง่ายดายในการปรับปรุงการออกแบบตกแต่งภายในของคุณ”

ความสดใหม่: ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต้องการเนื้อหาที่สดใหม่และอัปเดต รวมปีปัจจุบันในแท็กชื่อของคุณ คุณรับรองผู้ค้นหาว่าเนื้อหาของคุณมีความเกี่ยวข้องและเป็นปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น: “15 สถานที่น่าเที่ยวในปี 2020” หรือ “รถขายอาหารที่ดีที่สุดในขอนแก่น [อัพเดท 2020]”

ความสามารถในการจ่าย: ทุกคนชอบประหยัดเงิน หากเนื้อหาของคุณแบ่งปันเคล็ดลับความเข้าใจทางการเงิน ให้เน้นที่แท็กนามแฝงแทน ตัวอย่างเช่น "9 สถานที่พักผ่อนที่ไม่มีวันสิ้นสุด" หรือ "5 กิจกรรมราคาถูกที่ต้องทำในสกลนคร"

นี่เป็นเพียงไม่กี่วิธีในการสร้างความแตกต่างให้กับหน้าเว็บของคุณ แท็กชื่อที่แตกต่างกันจะดึงดูดผู้ค้นหามากขึ้นและดึงดูดการคลิกได้มากขึ้น

ขั้นตอนที่ 4: จัดรูปแบบ Title tag ของคุณอย่างถูกต้อง

          ไม่ว่า Title tag ของคุณจะดีแค่ไหน คุณยังคงต้องใช้การจัดรูปแบบที่เหมาะสม นี่คือสิ่งที่ควรจำไว้ให้ขึ้นใจ

ยึดเอกลักษณ์ของคุณไว้

คุณควรใช้อักษรตัวตัวหน้า ตัวเอียง ที่สอดคล้องกันตลอดทั้ง Title tag ของคุณ ไม่ว่าคุณจะชอบตัวหนาของประโยคหรือตัวพิมพ์ใหญ่ของชื่อ:

กรณีประโยค: การใช้อักษรตัวหนาเฉพาะคำแรกของชื่อหัวข้อเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะเป็นตัวธรรมดา ตัวอย่าง: “เคล็ดลับในการขยายธุรกิจของคุณในปี 2020”

หัวเรื่อง: แบบอักษรนี้ใช้อักษรตัวหนาทุกคำ ไม่รวมคำบุพบท คำสันธาน และบทความ ตัวอย่าง: “เคล็ดลับในการขยายธุรกิจของคุณใน ปี 2022 ”

ใช้เครื่องหมายแบ่งวรรค อย่างสร้างสรรค

          ถัดไป ใช้เครื่องหมายวรรคตอนเพื่อแยกส่วนต่างๆ ของ Title tag ของคุณ ซึ่งจะทำให้อ่านและทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น เครื่องหมายวรรคตอนทั่วไปที่ดูดีใน Title tag มีดังต่อไปนี้

วงเล็บ: “วิธีวางแผนงานแต่งงานราคาไม่แพง [คำแนะนำทีละขั้นตอน]”

แถบแนวตั้ง: “iPhone 8 Plus For Sale | Apple "

อัญประกาศ : “การออกแบบภายใน: 10 หลักการออกแบบที่ต้องพิจารณา”

วงเล็บเหลี่ยมจะแสดงเพื่อเพิ่ม CTR ทั้งใน Title tag และหัวเรื่องอีเมล ในขณะที่แถบแนวตั้งเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบในการทำให้ชื่อบริษัทของคุณแตกต่าง ใช้รูปแบบเครื่องหมายวรรคตอนที่เหมาะสมกับเนื้อหาของหน้าเว็บของคุณมากที่สุด

ขั้นตอนที่ 5: ใช้ Google Search Console เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

          “Search Analytics” ของ Google Search Console เป็นแหล่งข้อมูลที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพ Title tag ใช้เพื่อวิเคราะห์ CTR ปัจจุบันของคุณและติดตามการปรับปรุงเมื่อเวลาผ่านไป

          หากต้องการตรวจสอบ CTR ของคุณ ให้เลือกช่อง "CTR" ที่ด้านบนของหน้า Google Search Console Search Analytics จากนั้น คุณจะสามารถดู CTR สำหรับแต่ละหน้าได้ ค้นหาว่าหน้าใดมี CTR ต่ำที่สุด หน้าเหล่านี้จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรีเฟรชTitle tag

          เมื่อคุณสร้างเว็บไซต์ของคุณโดยใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ของ Devcron คุณจะเพลิดเพลินไปกับการผสานรวม Google Search Console ที่สะดวกสบาย ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเข้าถึงข้อมูล CTR ทั้งหมดของคุณได้โดยตรงจากเครื่องมือติดตามเว็บไซต์ในตัวของ Devcron สิ่งนี้จะปรับปรุงกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพของคุณ