Blog Layout

ความต่างของเมนูกาแฟ ประโยชน์ และวิธีชงอย่างง่ายๆ  

            ปัจจุบันกาแฟมีมากมายหลากหลายประเภท หลายเมนู กาแฟ สด ทั้งร้อน เย็น และโบราณ แต่ละประเภทก็มีความแตกต่างทั้งกรรมวิธีในการชง และรสชาติ 

หลายคนอาจกำลังสงสัยกับความแตกต่างของกาแฟแต่ละชนิด

และมีแบบไหนบ้างที่เหมาะกับเรา โดยเฉพาะเพื่อนๆที่เพิ่งเริ่มต้นดื่มกาแฟ  อาจจะเจอปัญหากาแฟบางชนิดมีรสเข้มไป

หรือบางชนิดบางเบาเกินไปจนยังไม่รู้สึกตื่นพอ ไม่ลงตัวเสียที...


วันนี้ เราจะมาแนะนำ ประโยชน์ของกาแฟ

พร้อมวิธีทำกาแฟแบบง่ายๆ และประเภทของกาแฟแต่ละชนิดกัน  และบอกว่า เรียกยังไง เวลาเพื่อนๆ ไปร้านกาแฟ

หรือ คาเฟ่ ครั้งหน้า


 เพื่อนๆ รู้ไว้จะได้ สั่งกาแฟได้ถูก จะได้ไม่ยิ้มเขินๆไง

สารบัญ เมนูกาแฟ เลือก จิ้มที่สนใจได้เลย


1. Espresso (เอสเพรสโซ่) เมนูสำหรับคนชอบเข้ม

เมนูกาแฟ

Espresso คือ กาแฟรสแก่  มีวิธีชงโดยใช้แรงอัดไอน้ำ หรือนำน้ำร้อนผ่านเมล็ดกาแฟคั่วบด

ที่มาของคำว่า Espresso มาจากภาษาอิตาลี ที่แปลว่า  "เร่งด่วน"


กาแฟเอสเพรสโซ่ เป็นกาแฟที่นิยมบ้านในแถบยุโรปตอนใต้  โดยเฉพาะประเทศอิตาลี

 เอสโซ่ได้รับการผลิตและมีต้นกำเนิดในเอธิโอเปีย


วิธีการชงแบบใช้แรงดันผ่านเมล็ดกาแฟที่บดละเอียด ทำให้มีรสกาแฟที่เข้มข้นและหนักแน่น

ต่างจากกาแฟที่ชงแบบน้ำหยด หรือกาแฟแบบอื่น


เพราะความเข้มข้นนี้เองจึงเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟลักษณะนี้  ทำให้คอกาแฟที่ชอบความเข้มข้น

ดื่ม เอสเพรสโซ่ โดยไม่ต้องใส่น้ำตาลหรือนม


ปกติมักจะเสริฟเป็น shot ในแก้วเล็กๆทำให้ปริมาณไม่มากจนเกินไป ประมาณ 12 ออนซ์ หรือ 30-60 ml

การสั่ง เอสเพรสโซ่ โดยทั่วไปจะสั่งเป็นช็อตเดียวหรือสองช็อต

เอสเปรสโซมีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน เพื่อไม่ให้เสียรสชาติจึงควรดื่มตอนชงเสร็จใหม่ ๆ


ผงกาแฟที่ใช้ชงขึ้นอยู่กับแต่ระบบการชง ระบบการชงแบบแรงดันน้ำ 

หรือแรงอาจจะต้องใช้ผงที่ละเอียด  แต่ก็ไม่ได้ละเอียดมากเกินไป 


สำหรับในประเทศไทยกาแฟเอสเพรสโซ่นิยมนำมาชงผสมกับน้ำแข็งแล้วก็น้ำตาล

ทำให้ได้เอสโซ่ในสไตล์ไทยๆ บางร้านถือเป็นเมนูยอดนิยมเลยทีเดียว


การทำเอสเพรสโซ่

การทำนมนึ่งและตีฟองนมโดยไม่ใช้เครื่องชงเอสเปรสโซทำได้ง่ายกว่าการทำเอสเปรสโซโดยไม่ใช้เครื่อง

นั่นเป็นเพราะเอสเพรสโซที่ดีต้องอาศัยแรงกด และเครื่องเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อให้ได้ระดับที่สม่ำเสมอ


แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ อันที่จริง เอสเพรสโซที่บ้านง่ายมาก

แต่ สิ่งที่คุณต้องมีคือ Aeropress, Moka pot หรือ French press


หากคุณสังเกตเห็นแนวโน้มของเครื่องชงกาแฟเหล่านี้ แสดงว่าคุณก้าวไปข้างหน้าแล้ว

เครื่องชงกาแฟเหล่านี้ต้องอาศัยแรงกดดันบางอย่างในการชงหรือสกัดกาแฟ


พวกเขาอาจไม่ให้กำลังมากเท่ากับเครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ แต่ก็ยังสามารถทำงานให้เสร็จได้

ตอนนี้คุณลดแรงกดดันได้แล้ว สิ่งที่คุณต้องมีก็คือเมล็ดกาแฟคั่วเข้มและที่ขาดไม่ได้คือเครื่องบดเสี้ยน


 ส่วนสำคัญอีกประการหนึ่งของเอสเปรสโซคือการบดละเอียด ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่มีเครื่องบดที่เหมาะสม


นอกจากนี้ เครื่องบดเสี้ยนที่ดีหลายๆ แบบมีราคาไม่แพง และช่วยให้คุณประหยัดงาน

และความเครียดในการบดเมล็ดกาแฟของคุณ อะไรที่ไม่ควรรัก?

มารู้จักประโยชน์ของกาแฟดำ หรือ Espresso กันดีกว่า

 เพราะกาแฟดำมีความเข้มและรสชาติค่อนข้างขมอมเปรี้ยว จึงทำให้บางท่านไม่โปรดปรานสักเท่าไรนัก

แต่ถึงยังไงกาแฟดำก็มีประโยชน์มหาศาล วันนี้ผมจึงมาบอกถึงประโยชน์ของกาแฟดำกัน


1. ช่วยให้ตื่นตัว และลดความเครียด

ในกาแฟดำมีคาเฟอีนซึ่งเป็นสารสำคัญที่สามารถทำให้ตื่นตัวให้กับร่างกายที่อ่อนล้าได้ในเวลาอันสั้น

ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า หายง่วงขึ้นมาทันที และคาเฟอีนในกาแฟดำมีส่วนมีส่วนช่วยขยายหลอดเลือด

ส่งผลทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ความรู้สึกตึงเครียดก็จะผ่อนคลายลง เพียงแค่ได้กลิ่นกาแฟหอม ๆ

ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นแล้ว และยังช่วยลดอาการปวดศีรษะจากความเครียดหรืออาการเมาค้างได้ด้วยเด้อ


 2. กระตุ้นความจำ

การศึกษาของมหาวิทยาลัยเซาท์ฟลอริดา เผยว่า คนอายุล่วงเข้าวัยกลางคน ควรดื่มกาแฟประมาณ 4-5 แก้วต่อวัน

เพื่อเพิ่มระดับฮอร์โมน G-CSF ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์

 นอกจากนี้กาแฟยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ประสาท

ลดอาการหลง ๆ ลืม ๆ ที่เกิดตามวัยได้


3. ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน

 การดื่มกาแฟดำหรือ espressoไม่เกินวันละ 3 แก้ว หรือการได้รับคาเฟอีนไม่เกิน 300 มิลลิกรัม

อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุน และกระดูกสะโพกหักได้


4. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

ในกาแฟดำมีวิตามินบีรวมชนิดหนึ่งชื่อว่า นิโคติน ซึ่งจะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดและป้องกันหลอดเลือดแข็งตัวได้

 ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ อีกทั้งคาเฟอีนยังมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น

แต่ถ้าป่วยเป็นโรคหัวใจแล้วไม่แนะนำให้ดื่มนะคะ เพราะอาจกระตุ้นอาการของโรคได้


5.  ดีต่อตับ

กาแฟดำมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับตับได้ เช่น ลดการอักเสบ ลดการเกิดพังผืดในตับ

ไม่ว่าจะเป็นโรคตับแข็งที่มีสาเหตุจากการดื่มสุรา โรคไวรัสตับอักเสบ ภาวะไขมันพอกตับ และโรคมะเร็งตับ



ขอคุณข้อมูลจากเว็บ https://cooking.kapook.com/

2. Cappuccino ( คาปปูชิโน่ ) กาแฟสำหรับมื้อเช้า

คาปูชิโน่

คาปูชิโน่เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มประเภทกาแฟที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี

มีส่วนประกอบหลักก็คือ กาแฟเอสเพรสโซ่


การชงคาปูชิโน่ส่วนใหญ่มักมีอัตราส่วนของเอสเพรสโซ่ 1 ต่อ 3 ส่วน  นำมาผสมกับนมร้อนๆผ่านระบบไอน้ำ 1/3  ส่วน

และการตีฟองละเอียดลงไป อาจโรยด้วยผงโกโก้หรือว่าอบเชยเล็กน้อย 

ตามความชอบ


ส่วนผสมของคาปูชิโน่ แตกต่างจากลาเต้ ซึ่งประกอบไปด้วยนมเป็นส่วนใหญ่และนมตีฟองเล็กน้อย

ในประเทศอิตาลี ผู้คนมักดื่ม คาปปูชิโน่เป็นอาหารเช้าโดยเฉพาะ อาจมีขนมปังหรือคุกกี้เป็นส่วนประกอบ


ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าวิถีชีวิตของชาวอิตาลีมัก  ไม่ชอบรับประทานอาหารเช้าแบบเป็นกิจจะลักษณะ 

แค่ดื่มคาปปูชิโน่บวกกับกาแฟเบาๆ จึงเป็นอาหารรองท้องสำหรับมื้อเช้าของชาวอิตาลีนี้


และด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่ดื่มคัปปุชชีโนในช่วงอื่นของวัน แต่สำหรับต่างประเทศรวมถึงประเทศไทยสามารถดื่มคัปปุชชีโนได้ทุกเวลา

โดยไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก


ส่วนที่ไทยก็จะเพิ่มด้วยการใส่น้ำแข็งเข้าไป กลายเป็นคาปูชิโน่เย็นหรือปั่นแล้วแต่คนดื่มชอบ


3.Latte ( ลาตเต้) เมนูของคนมีศิลปะ

ลาเต้

ลาเต้ ลาเต้เป็นชื่อภาษาอังกฤษ นะครับ ก็คือเครื่องดื่มกาแฟชนิดนึง ที่เตรียมด้วยนมร้อน  โดยแตกต่างจากเอสเปรสโซ่ ก็คือจะใช้ กาแฟ แค่ 1 ส่วน และนมร้อนที่ต้มด้วยไอน้ำ 2 ส่วนลงในถ้วยพร้อมๆกัน แล้วหยอดฟองนมหนาประมาณ 1 เซนติเมตร ทับข้างบน

กาแฟชนิดนี้นะครับคล้ายๆกับกาแฟโอเล่ของฝรั่งเศส  แต่กาแฟใช้กาแฟดำที่ชงแบบน้ำหยดหรือกาแฟดริปนั่นเองชงกับนมอุ่นๆในอัตราส่วนเท่ากันนะ

ในการชงลาตเท ผู้ชงกาแฟที่ชำนาญงานจะใช้วิธีขยับข้อมือเล็กน้อยขณะที่รินนมและฟองนมลงบนกาแฟ ทำให้เกิดลวดลายต่าง ๆ เรียกว่า  ศิลปะลาตเท  (latte art) หรือศิลปะฟองนมในถ้วยกาแฟ

ส่วนในไทยก็นำมาผสมกับน้ำแข็งแล้วก็น้ำตาลเพิ่มความหวานสำหรับปั่นเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มอีกชนิดหนึ่งในไทยเลย

วิธีทำลาเต้โดยไม่ต้องใช้เครื่องทำเอสเพรสโซ่

ดังนั้นเราจึงมาบอกวิธีทำลาเต้ … โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง ง่ายกว่าที่คุณคิด คุณสามารถทำ ในบ้านของคุณเอง

การทำ STEAMED MILK

สิ่งที่คุณต้องมี

  • นม
  • กระทะเล็ก
  • เครื่องวัดอุณหภูมิ
วิธีทำ
  1. เทนมลงในกระทะขนาดเล็กแล้ววางบนเตาตั้งพื้น
  2. วางเทอร์โมมิเตอร์ลงในนมเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิ หรือหากไม่สามารถทำได้ ให้เตรียมเทอร์โมมิเตอร์ไว้ใกล้มือเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิเป็นระยะๆ
  3. อุ่นนมด้วยไฟกลางถึงกลาง-ต่ำ ขึ้นอยู่กับประเภทของนมที่คุณใช้ คุณต้องการตีอุณหภูมิที่กำหนดเพื่อนึ่ง:
  4. นม: 150ºF (65ºC)
  5. นมถั่วเหลือง: 140ºF (60ºC)
  6. นมอัลมอนด์: 130ºF (54ºC)
  7. คนนมเป็นครั้งคราวเพื่อไม่ให้เดือด เมื่อถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมแล้ว ให้ยกนมออกจากเตาแล้วเทลงในกาแฟโดยตรง หรือจะตีฟองนม ก็ได้

ตีฟองนม

คุณมีทางเลือกสองสามทางในการทำฟองนม หากคุณมีเฟรนช์เพรสแบบแก้วและไมโครเวฟ

แสดงว่าคุณทำฟองนมได้ ใน 1 นาทีครึ่ง


อีกทางหนึ่ง ที่ตีฟองนมแบบธรรมดาและเหยือกตีฟองนมจะคุ้มค่ากับการลงทุนเพียงเล็กน้อย

 (และช่วยปลดปล่อยบาริสต้าในตัวคุณโดยไม่ต้องใช้เครื่องจักรราคาแพง) คุณยังสามารถตีฟองนมในโถ ธรรมดาได้อีกด้วย


ทำเอ็กเพรสโซ่

ผมใส่วิธีทำง่ายๆ ไว้ด้านบนแล้ว ย้อนกลับไปดูได้


เติมพลังให้กับลาเต้ของคุณ

แน่นอนว่าลาเต้แบบดั้งเดิมนั้นเป็นเพียงนมและเอสเพรสโซเท่านั้น แต่เราอยู่ในโลกแห่งการผสมผสานรสชาติที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ดังนั้นอย่าปล่อยให้สูตรง่ายๆ มาหยุดคุณจากการปรุงลาเต้ที่ชงอย่างพิถีพิถัน


 ท้ายที่สุดใครต้องไปที่ร้านกาแฟขนาดใหญ่สำหรับลาเต้ปรุงแต่งเมื่อคุณสามารถทำที่บ้านได้ในราคาประหยัด?


แม้ว่าจะเป็นตัวเลือกยอดนิยม แต่น้ำเชื่อมไม่ใช่วิธีเดียวที่จะเพิ่มความเอร็ดอร่อยให้กับลาเต้ของคุณ

 ทดลองเครื่องเทศและอุปกรณ์ทำขนมของคุณเพื่อให้ได้กาแฟรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น


อย่าลืมจดสิ่งที่คุณทำเพื่อที่คุณจะสามารถปรับและทำซ้ำรสชาติลาเต้ของคุณได้ในอนาคต



4. Mocca ( มอคค่า ) เมนูกาแฟ ของคนชอบโกโก้

มอคค่า

โมคาหรือ มอคา(อังกฤษ : mocha) หรือ โมคัชชีโน(อิตาลี: mocaccino) เป็นกาแฟคล้ายๆกับลาเต้

ก็คือถ้าเป็นลาเต้จะใช้เอสเพรสโซ่ 1 ส่วนและก็นมร้อนอีก 2 ส่วนจะแตกต่างกันที่มอคค่ามีส่วนผสมของช็อกโกแลตด้วยครับ


โดยมากจะใส่ในรูปแบบช็อคโกแลตน้ำเชื่อม  ดื่มได้ทั้งร้อนและเย็นมีทั้งแบบใส่น้ำแข็งด้วยนะ แล้วก็มีวิปครีมปิดหน้าไว้

ประเทศไทยก็จะเพิ่มด้วยน้ำตาล มีทั้งแบบร้อนเย็นแล้วก็แบบปั่น เพื่อนๆก็สามารถเลือกตามที่ชอบได้เลย



วิธีชงมอคค่าสำหรับมือใหม่

ขอคุณสูตรจากเว็บ th.openrice.com

สำหรับคนรักช็อคโกแลตกันบ้าง ที่อยากผสมกาแฟไปด้วย ก็คือ มอคค่านั้นเอง วันนี้ผมเอาสูตร การทำมาฝาก สำหรับมือใหม่เลย


ส่วนผสมและสัดส่วน

  • กาแฟเอสเพรสโซ่ 1 ช็อต *
  • โกโก้ผง 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
  • นมสด 2/3 ถ้วยของกาแฟที่จะเสิร์ฟ


วิธีทำมอคค่า

  1.  ชงกาแฟเอสเพรสโซ่ให้ได้ 1/3 ถ้วย
  2. เติมผงโกโก้ น้ำตาลทราย คนให้ละลาย
  3. อุ่นนมสดให้ร้อน เทส่วนของนมลงไปผสมรวมกับกาแฟในส่วนแรก คนให้เข้ากันค่ะ

แค่นี้ก็เสร็จแล้ว อย่าลืมทำทานเองที่บ้านเด้อจร้า



5. Flat White ( แฟลต ไวท์) คนชอบนมแต่อยากได้กลิ่นกาแฟ

แฟลตไวท์

กาแฟ Flat White คือกาแฟที่ได้จากการเทนมที่ผ่านการอุ่นด้วยไอน้ำและมีลักษณะเป็นครีม

จากก้นเหยือกลงบนเอสเปรสโซหนึ่งช็อต  แฟลตไวต์นิยมเสริฟในถ้วยเซรามิกดอกทิวลิป


   ด้วยส่วนผสมของกาแฟและปริมาณนมที่มีเยอะพอสมควรจึงทำให้ความเข้มของกาแฟในปริมาณน้อย

เหมาะสำหรับคอกาแฟมือใหม่ที่เริ่มหัดดื่มกาแฟ รสชาติจะไม่เข้มข้นมากนัก

เพียงให้ได้รสและกลิ่นกาแฟเล็กน้อยเท่านั้น

6. Americano (อเมริกาโน่) เมนู กาแฟ ของคนทำงาน

อเมริกาโน่

อเมริกาโน่กาแฟยอดฮิตที่เหมาะกับสายความเข้มข้นของกาแฟ จิบปุ๊บ ตื่นปั๊บ

 และเป็นกาแฟที่ได้รับความนิยมที่สุดในวัยทำงาน


จึงเป็นเมนูที่จะทำให้คุณได้สัมผัสและรับรู้กลิ่นกาแฟที่เข้มข้นได้มากที่สุด 

เนื่องจากกรรมวิธีการชงนี้จะไม่ใส่น้ำตาลในน้ำเชื่อมใดๆ เลยถูกใจสายเข้มข้นอย่างแท้จริง 

 ก็คือกาแฟเอสเพรสโซ่ผสมกับน้ำเปล่าอัตราส่วน 2 ต่อ 1



สำหรับประเทศไทยแล้วก็นำมาใส่น้ำแข็งรับประทานเพิ่มความสดชื่นได้อีก นะจ๊ะ

อเมริกาโน่เย็น Iced Americano ทำง่าย ๆ ไม่ถึง 1 นาที

  • Americano คือ กาแฟที่เกิดจากการเติมน้ำร้อนผสมลงไปใน Espresso เพื่อเจือจางความเข้มของกาแฟ Espresso

วิธีชง

  1.   Espresso 1 shot
  2. นำน้ำเปล่าเติมลงแก้วเล็กน้อย
  3. ใส่น้ำแข็ง
  4. เติมกาแฟ Espresso ลงไป เสร็จแล้ว



ง่ายไหมครับ ลองไปทำดูที่บ้านเลย อร่อยมากขอบอก เพื่อนๆ อาจเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่า เป็นน้ำอย่างอื่น เช่น

น้ำส้ม น้ำอ้อย น้ำผึ้งมะนาว เพื่อนๆ ก็จะได้กาแฟที่ต่างออกไป


ต่อไปเป็น กาแฟ ชื่อ แปลกๆ ออกไป บางร้าน บาง คาเฟ่ อาจจะไม่มี แต่ก็เป็น เมนูกาแฟ ที่น่าอร่อย ไม่แพ้กันเด้อ

7. Doppio (ดอปปิโอ)

ดอปปิโอ

 เป็นเมนูกาแฟ Coffee ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีความหมายว่าดับเบิ้ล  ซึ่งก็คือการใส่กาแฟ 2 ช็อต

วิธีก็คือการทำให้รู้สึกถึงรสชาติของกาแฟและกลิ่นของกาแฟเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า 


 ซึ่งเหมาะกับคอกาแฟที่รสชาติเข้มข้นสำหรับเมืองไทยก็เหมาะสำหรับสายเข้มถูกใจนักแล

กาแฟชนิดนี้ไม่เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มหัดดื่มกาแฟ แนะนำว่าให้ไปลองกาแฟที่ผสมนมก่อน ค่อยเป็นค่อยไปจะดีที่สุด 


8. Macchiato ( มัคคิยาโต )

มัคคิยาโต

คำว่า “มัคคิยาโต” ในภาษาอิตาเลียนแปลว่า “การทำเครื่องหมาย” ฉนั้นในโลกของกาแฟ

ถ้ามีคำว่ามัคคิอาโตขึ้นมาเมื่อไร ความสวยงามจะต้องบังเกิด ถ้าเราสั่ง “คาเฟ่มัคคิยาโต”


ก็จะเป็นกาแฟเอสเพรสโซปิดหน้าด้วยฟองนม ก่อนทำเครื่องหมายด้วยการเทนมอุ่นลงไปตรงกลางแก้วจนเห็นเป็นชั้นสวยงาม

ในขณะที่ “ลาเต้มัคคิยาโต” จะเป็นนมร้อนที่ถูกทำเครื่องหมายด้วยกาแฟเอสเปรสโซ


ปิดท้ายด้วยแก้วโปรดของคนหลงรักความหวานหอม “คาราเมลมัคคิยาโต”  ซึ่งก็คือนมร้อนผสมคาราเมล

 แล้วทำเครื่องหมายสีน้ำตาลด้วยกาแฟเอสเปรสโซ ถ้ายิ่งปิดหน้าด้วยฟองนม

แต่งหน้าด้วยคาราเมลอีกสักรอบ ก็จะยิ่งสวยหวานเข้าไปอีก


9. Ristretto  ( ริสเทรตโต้ )

กาแฟครึ่งช็อต

คือ กาแฟ Espresso ครึ่ง shot  มีอัตราส่วนของผงกาแฟกับน้ำเป็น 1:1 แตกต่างจากเอสเปรสโซที่มีอัตราส่วนเป็น 1:2

ให้รสชาติเข้มข้นน้อยกว่า แต่มีความหวานและสดชื่นมากกว่าช็อตเอสเปรสโซ 



10 . Long Black  ( ลอง แบลค )

Long Black

เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่มีรสชาติและกรรมวิธีในการทำคล้ายกับ Americano จึงทำให้มีรสชาติของกาแฟที่คล้ายคลึงกัน

 แต่ในเรื่องของกลิ่นความหอมของกาแฟ Long Black จะยังคงกลิ่นหอมไว้ได้มากกว่า Americano


 จึงเหมาะสำหรับคอกาแฟที่ชื่นชอบการดมกลิ่นของกาแฟอย่างแท้จริง



11. Affogato ( อัฟโฟกาโต้ )

อฟากาโต

เป็นของหวานของชาวอิตาลี่...ก็คือไอศครีมวนิลาใส่กาแฟเอสเพรสโซ่ จะเพิ่ม topping เป็นถั่วบด, ผลไม้, บิสกิต,

หรือบราวนี่บด ก็ได้ไม่ผิดทุกกรณี 



คำถาม น่ารู้เกี่ยวกับกาแฟ

  • เมล็ดกาแฟ มีอะไรบ้าง
    1. Arabica อราบิก้า คือ พันธุ์กาแฟที่ถูกค้นพบและมีการปลูกมาอย่างเก่าแก่มากๆ ลักษณะของเมล็ดจะเป็นเมล็ดที่ค่อนข้างเรียวและส่วนผ่าตรงกลางนั้นจะเป็นเหมือนรูปตัว S
    2. Robusta โรบัสต้า คือ พันธุ์กาแฟที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคิดเป็น 20% ทั่วโลกรองลงมาจากอราบิก้า ลักษณะของเมล็ดจะอวบอ้วนและส่วนผ่าตรงกลางนั้นจะเป็นเส้นตรง
  • ความแตกต่างระหว่าง ‘กาแฟสด’ กับ ‘กาแฟสำเร็จรูป’
    1. ‘กาแฟสด‘ หรือ Fresh coffee จะผ่านกระบวนการน้อยกว่า คือ นำเมล็ดกาแฟไปคั่ว  > บด > และชงดื่ม
    2. ‘กาแฟสำเร็จรูป‘ หรือ Instant coffee จะผ่านกระบวนการแปรรูปหลายขั้นตอนกว่าคือ> คั่ว > Roast Coffee

    > บด > Ground Coffee

    > สกัด – Extraction : เพื่อแยกส่วนประกอบที่ละลายน้ำได้ของกาแฟออกมา

    > ทำให้เข้มข้น – Concentration : เพื่อแยกน้ำออกจากสารสกัดกาแฟ ทำให้เข้มข้นขึ้น

    > การทำแห้ง – Drying/Dehydration : 

  • กินกาแฟดำให้ดีต่อสุขภาพ ควรกินแบบไหนดี ?

     หากอยากดื่มกาแฟดำให้ดีต่อสุขภาพ แนะนำให้ลองทำตามนี้เลยค่ะ


              1. หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟดำตอนท้องว่าง เพราะกาแฟมีกรดที่อาจกัดกระเพาะได้

              2. ไม่ควรดื่มกาแฟดำเกิน 4 แก้วต่อวัน หรือรับคาเฟอีนได้ไม่เกิน 300-400 มิลลิกรัมต่อวัน

              3. หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟระหว่างออกกำลังกายและหลังออกกำลังกาย เนื่องจากอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินจำเป็น

              4. หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหลังเวลา 14.00 น. เพราะอาจทำให้นอนหลับยาก

              5. หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าต้องจำกัดการกินกาแฟหรือต้องงดดื่มกาแฟหรือไม่


สรุป เมนูกาแฟ ยอดนิยม

เป็นยังไงบ้าง กับ เมนูกาแฟ ต่างๆ ที่เรานำมา เล่าให้ฟัง บางชื่อก็สั่งกินประจำ บางเมนูก็ไม่เคยได้ยิน

หวังว่า คอกาแฟ ทั้งเก่า และใหม่ จะได้รับความรู้ เวลาไปสั่ง กาแฟ ที่ คาเฟ่ ใกล้ บ้าน ก็จะไม่เขิน สั่งได้ อย่างสะบายใจ

หากเพื่อนๆ ชอบกาแฟ เมนูไหน ก็ แนะเขียน คอมเมนต์ แนะนำกันได้เด้อ ถ้าเพื่อนๆ อยากไปเที่ยว คาเฟ่ ลำปาง คาเฟ่ สกลนคร เรา thaibaan seo ก็ได้แนะนำคาเฟ่เจ๋งๆ ไว้แล้ว ใกล้ที่ ไหน ไปที่นั้นได้เลยจร้า

รูปภาพ จาก www.canva.com
ขอคุณข้อมูลจาก Wikipidea.com

สวัสดีครับ ณัฐพนธ์ พลศรีดา ผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว และรักที่จะสร้าง content  ชอบงานด้าน seo และมีความฝันว่าจะ นำธุรกิจท้องถิ่น ให้เติบโตบนโลกออนไลน์ สนใจสร้างเว็บไซต์ หรือ จะให้ไปรีวิวร้านกาแฟ มาคุยกันได้เด้อครับ

Nat thaibaan seo
Share by: