Blog Layout

คุย กับเจ้าของร้าน กาแฟดริปยิปซี ถึงที่ไปที่มา ของร้านกาแฟ Slow bar ในสกลนคร

กาแฟดริปยิปซี

หากจะพูดถึง ร้านกาแฟ ใน สกลนคร ก็คงจะมีร้านกาแฟดริปยิปซี เป็นร้านแรกๆ ที่เพื่อนๆ รู้จัก และอยากจะไปชิมกาแฟอร่อยๆ บรรยากาศดีๆ ที่ถ่ายรูปสวย แต่จะมีสักกี่คนที่รู้จัก ยิปซี จันทร์เพ็งเพ็ญ เจ้าของร้าน แสนอารมณ์ดี 


วันนี้ผมมีโอกาศที่ดี ที่ได้พูดคุย เรื่องราวความเป็นมาของร้านแห่งนี้  ผู้ชายที่น่าสนใจ แม้แต่ นิตยสารชื่อดังอย่าง aday และ รายการทีวี ของช่อง thai PBS ยังต้องมาสัมภาษณ์


เราไปรู้จักผู้ชายคนนี้ ยิปซี จันทร์เพ็งเพ็ญ กับบรรยากาศการคุยแบบสบายๆ จิบกาแฟไปด้วย คุยไปด้วย

หรือใครอยากดูรีวิวร้าน กาแฟดริปยิปซี ก็กดที่ลิงค์ตัวเขียวได้เลย

โอกาสดีที่ได้เข้าเมือง


วันนี้มีโอกาสได้ไปส่งงานที่ตัวเมืองสกลนครพอดี 

จึงได้มีโอกาสแวะไปร้านกาแฟในตำนานของจังหวัดสกลนคร 

.

เป็นคาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครนั่นก็คือร้านกาแฟดริปยิปซี ดงมะไฟ


.

.

ซึ่งร้านนี้ ผมก็มีโอกาสไปมาหลายครั้งละ แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปเพราะนอกจากผมจะมาในฐานะของลูกค้าแล้ว

ผมยังมาในฐานะของ bloger เพื่อที่จะไปรีวิวสัมภาษณ์ถึงที่ไปที่มาของร้านกาแฟดริปยิปซีว่ามันเป็นมายังไง ถึงได้มาเปิดร้านกาแฟ ณ ที่แห่งนี้

.

.

หลังจากที่ส่งงานเสร็จ  ผมก็ได้ขับรถออกจากตัวเมืองเพื่อกลับบ้าน ผ่านมาทางบ้านดงมะไฟ ผ่านสี่แยกไฟแดงนิดหน่อย


.

 ลองสังเกตซ้ายมือจะมีร้านกาแฟเล็กๆ เป็นร้านที่ค่อนข้างลึกลับ ถ้าไม่สังเกตดีๆก็อาจจะไม่รู้นะครับว่านี่คือร้านกาแฟ 555


พอเห็นร้านจะมีทางเลี้ยวซ้ายเล็กๆ พอเลี้ยวเข้าไปจะมีที่จอดรถอยู่หน้าร้าน เราก็ต้องสังเกตนะครับว่าร้านเปิดไหม 555 


.

พอเพ่งมองดีๆจะเห็นกระดานดำเขียนด้วยชอล์กมีคำว่า "เปิด"  อยู่หน้าร้าน พร้อมกับ"คิดในใจสบายใจละร้านเปิด  คือวันนี้มาไม่เสียเที่ยวละ"

  เพราะว่าผมเคยมาก่อนหน้านี้ สอง ครั้ง  แล้วร้านปิดสงสัยจะมาผิดวันเอง

       

.

ปกติแล้วนะครับร้านกาแฟดริปยิปซีจะปิดวันอังคาร  แล้วนอกนั้นก็เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา9.30 น.ถึง 19:30 น หรือบางวันถ้าเจ้าของร้านไม่อยู่ก็จะปิด 


ถึงหน้าร้าน
.

.

จอดรถดับเครื่องแล้ว ลงจากรถ มองเข้าไปข้างในร้าน เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว  ถ้าใครไม่เคยมา ก็จะรู้สึกว่านี่มันร้านอะไร  ทำไมรกจังซี่ บริเวรหน้าร้านก็จะมีโต๊ะเก้าอี้วางอยู่ระเกะระกะ เก้าอี้แต่ละตัวแทบจะไม่เหมือนกันเลย


.

แต่ในความระเกะระกะ ก็รู้สึกถึงความลงตัวในแบบของมัน


นี่คงเป็นมนต์มายาของร้านนี้ อาจจะดูรกๆ แต่ดูรวมๆ แล้วกลับกลายเป็นชอบในความที่ไม่สมบูรณ์แบบซะงั้น 

.

แต่ถ้าคนที่ชอบในความที่เป็นระบบระเบียบก็อาจจะขัดหูขัดตาบ้าง


 

.

.

 วันที่ผมไป เป็นวันศุกร์คนเยอะผิดหูผิดตา ปกติคนจะไม่เยอะ "อันนี้ พี่เขาบอกมา 555" 

เนื่องจากลูกค้าเยอะ ผมจึงเดินเข้าไปนั่งรอที่เก้าอี้ ด้านนอก เพื่อที่จะไม่รบกวนใคร


.

.

ผมอยากที่คุยกับเจ้าของร้านนานๆหน่อย จึงรอให้พี่เขาเคลียร์ลูกค้าเสร็จก่อน ซักพักผมก็เลยไปนั่งข้างหน้าให้ใกล้ๆ เพื่อที่เขาจะมองเห็นผม 


"รับกาแฟอะไรดีครับ" พี่เจ้าของร้านถามขึ้นมา


สบโอกาสจึงได้เข้าไปคุย


 ผมยิ้ม และคิดในใจ เข้าทางเลย ผมจึงเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตัวสูง หน้าบาร์ แล้วแนะนำตัว


"สวัสดีครับ" ผมพูดแล้วก็แนะนำตัว


 พร้อมกับเล่าย้อนไปในวันที่ผมทำ mokka potไม่ขึ้น

วันนั้นผมก็เลยมาปรึกษาพี่เขา 


 เลยถามว่า พี่จำผมได้ไหม ? คนที่เคยมาซื้อเมล็ดกาแฟกับพี่ ที่ว่าชง mokka potไม่ขึ้น 

พี่แกก็บอก  ว่า "จำได้" เป็นยังไงบ้างก็ถามไถ่กันไป


.

บริเวณบาร์ ดริปกาแฟ มีเก้าอี้อยู่สองตัว ซึ่งมีลูกค้าอยู่ก่อนแล้ว เพื่อเพิ่มบรรยากาศในการสัมภาษณ์ โดยที่ผมไม่ต้องคุยกับพี่เจ้าของร้าน โดยลำพัง เลยหาแนวร่วมซะเลย ชวนลูกค้าโต๊ะข้างๆ คุยก่อนเลย


เขาบอกว่าตั้งใจมาที่นี่เลย มาจากนาแก ซึ่งอำเภอนาแกนี้ก็คืออำเภอ อำเภอหนึ่งในจังหวัดนครพนม


ห่างจากร้านกาแฟดริปยิปซีประมาณ 60 ถึง 80 กิโลเมตรได้ ระยะทางที่แน่นอนผมก็จำไม่ได้เนาะ



เท่าที่ถามคือ เขามีความตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะ

ขับรถมาเลย เพื่อที่จะมาชิมกาแฟ กับ ร้านกาแฟดริปยิปซี


ลืมบอกไปเจ้าของร้านกาแฟดริปยิปชื่อว่า พี่
"ยิปซีจันทร์ เพ็งเพ็ญ " ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเอาชื่อร้านมาจากไหน 555   



..OK  เกริ่นซะยาวเลย เข้าเรื่องเลยล่ะกัน

.

.

บทสนทนาจึงเริ่มขึ้น


..

.

ผมอยากจะมาสัมภาษณ์พี่ยิปซีนะครับ เพราะว่าผมกำลังทำบล็อก ทำเว็บไซต์อยู่ เพื่อที่จะช่วยเหลือ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับธุรกิจท้องถิ่นครับ เล่าความฝันให้ฟังนิดนึง 


โดยที่โครงการระดับแรก ก็คือ อยากจะไปรีวิวสถานที่ ที่เป็นร้านกาแฟเล็กๆ เพื่อที่จะนำไปเขียนบล็อก เพื่อที่คนจะมีโอกาสได้เห็นร้านต่างๆ มากขึ้น


.

.

ขออนุญาตสัมภาษณ์แล้วก็สอบถามพี่ด้วย ครับ

.


.

พี่เขาก็ยินดีให้ข้อมูล เราก็เลยยิงคำถามออกไป

 

 ทำไมพี่ถึงอยากจะมาทำร้านกาแฟ ครับ จุดเริ่มต้นเป็นมายังไง ?



พี่ยิปซีได้เล่าว่า


"ครั้งหนึ่งเนาะ ก็เหมือนหนุ่มสาวธรรมดาทั่วไป  ที่ออกไปหาเงินในเมืองหลวง 


แล้วมีจุดจุดหนึ่ง  ที่อยากจะกลับบ้าน มีเหตุผลเดียว คือกลับบ้าน"


 ผมเล่าเสริมนะครับ
อุดมการณ์ของพี่ยิปซีคือ อยากชวนทุกคนกลับบ้าน ไปช่วยเฮ็ด ช่วยสร้างบ้านเกิดของเฮา


 แรกๆก็มากลับมาช่วยครอบครัว โดยครอบครัวของพี่ยิปซี ก่อนหน้านี้ก็ทำเกี่ยวกับผ้าย้อมคราม  ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดสกลนครอีกชิ้นนึงนะครับ


เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังเรื่องผ้าย้อมครามอีกทีนึงเนาะ


ตอนนั้นกลับบ้านมา  แล้วยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็เลยมาช่วยพ่อแม่ ทำผ้าย้อมคราม  และเอาผ้าไปขายที่ตลาด


 ซึ่งตอนเด็กๆ พี่ยิปซีเล่าว่า ก็ไม่ชอบที่จะย้อมผ้าครามเท่าไหร่หรอก เพราะเจอมาแต่เด็กๆ แต่ก็กลับบ้านมาแล้วยังไม่รู้จะทำอะไร ก็มีความจำเป็นที่ต้องทำ


.

ซึ่งในข้อนี้ผมก็เห็นด้วย อะไรที่เราทำจนชิน มันจะเบื่อๆ นิดนึง 555 ผมพยักหน้าแล้ว ก็นั่งฟังต่ออย่างตั้งใจ



.

.

พี่ยิปซีจึงก็เล่าต่อว่า...



  • คำถามเปลี่ยนความคิด
    .

มีวันนึงที่ชาวญี่ปุ่นมาทำ workshop ที่บ้าน มาทำเกี่ยวกับผ้าย้อมคราม แล้วมาเห็นเรา ที่ดริปกาแฟ  คือปกติแล้วพี่ยิปซี จะดริปกาแฟกินเอง  ชาวญี่ปุ่นมาเห็นเขาเลยถามพี่ยิปซีว่าทำไมไม่ทำร้านกาแฟดริปขายล่ะ


พี่เลยบอกไปว่าทำขายไม่ได้หรอกกาแฟดริปอ่ะ มันช้า แล้วบทสนทนาก็จบไปแค่นั้น 


จนพี่ได้มีโอกาสไปญี่ปุ่น ไปเห็นร้านกาแฟดริปประมาณแบบว่า อยู่เต็มไปหมดเลย  ช่วงนั้นกำลังฮิตเลยที่ญี่ปุ่น มีทั้งกาแฟข้างทาง มีทั้งเป็นรถเข็น รถจักรยานปั่น



พอกลับมาเมืองไทยจึงได้มีความคิดที่จะเปิดร้านกาแฟ.. เพราะเล็งเห็นว่า สกลนคร ก็มีกาแฟ เป็นกาแฟแบบสกลๆ เลยอยากจะให้ผู้คนได้ลองชิม กาแฟของคนสกล


  • เริ่มต้นขายกาแฟดริป

.
โดยเริ่มจากทำอุปกรณ์ดริปกาแฟก่อน ใส่ท้ายจักรยาน ปั่นไปขายที่ตลาด


ผมเลยถามแทรก โห้ สุดยอดมากเลยนะครับ แล้วขายดีไหมครับ


พี่ยิปซี หัวเราะเบาๆ แล้วเล่าต่อ 

บางวันก็ได้สามแก้ว บางวันก็สองแก้ว 55

.

.

แต่หยุดไม่ได้หรอก คนรอสมน้ำหน้าเยอะแยะ ถ้าเราหยุดหรือ ท้อ ก็โดนเหยียบ กันพอดี 

อารมณ์แบบป้าขางบ้านเลยนะครับ ผมพูดเสริมออกไป


.

.

พี่เขาก็ยิ้มแล้วก็เล่าต่อ


.

 แต่ อีก นัยยะนึง ที่พี่หยุดไม่ได้ คือ ถ้าพี่หยุด แล้วใครจะทำให้เห็นล่ะ ว่าการกลับบ้านมันดียังไง การที่เรามาใช้ชีวิตที่บ้านมันดีนะ นี้คือสิ่งที่พี่อยากจะสื่อออกไป…..



  • เริ่มสร้างร้านกาแฟจากเศษไม้


หลังจากนั้นพี่ยิปซีก็อยากมีร้านเป็นของตัวเอง  ประกอบกับเป็นคนชอบงานไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว



ก็เลยหาไม้เก่ามาสร้างร้านกาแฟ ซึ่งตัวร้านของกาแฟดริปยิปซีที่เห็น ไม่ว่าจะเป็น ประตู หน้าต่าง เก้าอี้ พี่ทำเองเกือบทั้งหมด

อะไรทำเองได้ก็ทำไป อะไรที่ทำไม่ได้ก็วานให้คนมาช่วยเพื่อที่จะลดต้นทุนให้มากที่สุด


  • ทำกาแฟจากการลองผิดลองถูก

เรื่องของกาแฟก็เช่นกันคือพี่ไม่ได้เรียนกาแฟจากที่ไหนเลย สูตรกาแฟก็เริ่มจากการลองผิดลองถูก  ทำนู่นทำนี่  ลองชิมปรับสูตรไปเรื่อยๆ  กว่าจะได้มาแต่ละอย่างที่เห็น  ก็ต้องใช้ประสบการณ์ล้วนๆ 


ผมเลยถามต่อไปว่าแล้วพี่ไม่คิดจะสอนใครดริปกาแฟเหรอครับ ?


พี่ไม่กล้าที่จะสอนใครหรอกพี่มันไม่มีสูตร อาศัยจากการกินเอง ชอบเอง ให้ลูกค้าช่วยติชมบ้าง แล้วค่อยปรับสูตรตามไป


รสชาติกาแฟมันก็ไม่ได้เหมือนเดิมทุกครั้ง  ลูกค้าบางคนยังบอกว่า เอ้า ! วันนั้นทำไมกาแฟรสชาติไม่ใช่อย่างนี้ ก็มี พี่เขาหัวเราะไปด้วยเล่าไปด้วย


ผมมีโอกาศ จึง ยิงคำ ถาม ไปว่า   


พี่ทำยังไง ถึงได้ประคับประคองร้านกาแฟดริปยิปซี ให้ อยู่ได้ เกือบสิบปีแล้ว ?


พี่ยิปซี เล่าให้ฟังว่า 



เพราะเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ก็คือทำให้เห็นว่าเรากลับบ้านได้นะ กลับมาทำอะไรก็ได้ที่เราอยากจะทำ


การเปิดร้านกาแฟทำให้ได้เรียนรู้หลายอย่าง  ได้รู้จักกาแฟ และเรียนรู้จากผู้คน จากลูกค้า


เราไม่รู้เลยว่าลูกค้าทำอะไร ชอบอะไรในตัวเรา แล้วลูกค้าเป็นใคร ถ้าไม่ได้คุย


ลูกค้าบางวันก็เป็น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พี่นั่งรถมาจากในเมือง เพื่อที่จะมากินกาแฟที่ดงมะไฟ


นั่งรถออกมาจากในเมืองสกลนครประมาณ 20 กิโลเมตร มีโอกาสจึงได้สอบถามไป ท่านบอกแค่ว่า มาที่นี้แล้วสบายใจ


ลูกค้าอีกคนมาแบบ  นั่งร้องไห้แล้วก็กลับ  มาก็มานั่งไม่พูดอะไรเลย สั่งแค่น้ำเปล่า พี่ก็ได้แต่มอง ไม่กล้าที่จะทักเหมือนกัน 


ผ่านไป สอง สามวัน


พอสบโอกาสก็ได้สอบถามว่าเกิดอะไร เขาก็เล่าให้ฟัง ได้ระบาย จนได้มาเป็นเพื่อนกัน จนเริ่มที่จะมาทำสกลเฮ็ด ด้วยกัน


สกลเฮ็ด  คืออะไร ? ผมถามแบบสงสัย



สกลเฮ็ด ก็ คือกลุ่มคนที่รวมตัวกันทำเพจ ทำ YouTube ถ่ายทอดมุมๆ นึงของคนที่อยากกลับบ้าน กลับมาเพื่อทำอะไรบางอย่าง ให้บ้านเกิดตัวเอง ทำให้สกลนคร


แล้วตอนนี้ยังทำอยู่ไหม ? ผมถามต่อ


พี่ยิปซีเล่าต่อ เราเลิกทำไปแล้วเพราะว่าเฟสโดนแฮ๊ก


   คือเสียใจไหม บอกว่าเสียดาย  เสียดายรูป เสียดาย content แต่ก็ภูมิใจนะที่ได้ทำอะไรบางอย่างให้เกิดขึ้น


แล้วสิ่งที่ในทำสกลเฮ็ดมันดึงอะไรหลายๆอย่างเข้ามาที่เรา


ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ Aday มาสัมภาษณ์ หรือรายการทีวีที่ ช่อง ThaiPBS ที่มาสัมภาษณ์ ก็เพราะว่าเริ่มจากการที่เราทำเรื่องราวในสกลเฮ็ด


ผมถามต่อไปว่า 
แล้วมีโอกาสที่จะทำสกลเฮ็ด อีกไหมครับ


ต่างคนต่างมีเพจเป็นของตัวเองนะ บางคนก็ไปทำ YouTube แล้วก็เปิดร้านกาแฟ บางคนก็เป็นศิลปิน แล้วแต่ทางถนัดลองแต่ล่ะคน


ผมก็ได้มีโอกาสคุยต่อกับพี่ยิปซีอีกพักใหญ่ ลูกค้าก็วนเวียนมาไม่ขาดสาย จึงขอโอกาสกลับ เพราะนี้ก็จะค่ำแล้ว 


เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันเนาะ ..


เรื่องราวผู้ชายคนนี้มีอะไรหลากหลายอย่างที่น่าสนใจ


เดี๋ยวผมถ้ามีโอกาสจะมาสัมภาษณ์พี่ยิปซี อีกรอบนึงนะครับ


หากใครยังสนใจอยู่ หรือชอบ คอมเมนต์เป็นกำลังใจ ด้วยนะครับ


วันนี้ขอจบบทความนี้ไว้แค่เท่านี้ก่อน โอกาสหน้าค่อยมาเจอกันใหม่ สวัสดี.




สรุป ใจความจากผู้เขียน


ถือเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเลยนะครับ สำหรับ เจ้าของร้าน กาแฟดริปยิปซี พี่ "ยิปซี จันทร์เพ็งเพ็ญ"


การกล้าที่จะทำตามสิ่งที่ตัวเองอยากทำ คือคนที่ยิ่งใหญ่


คนทุกคนมีความฝัน แต่จะมีสักกี่คนที่ทำให้ฝันในเป็นจริง


ความฝันที่จะเป็นจริงได้ต้องมีเป้าหมาย แบบแผน และการลงมือทำ


ใส่ใจและโฟกัส กับสิ่งที่เราจะทำ เหมือนที่พี่ยิปซีทำ


อยากกับบ้าน อยากเป็นตัวอย่างของคนที่กลับบ้าน แล้วมาทำอะไรสักอย่างที่ อยากทำ


การเปิดร้านกาแฟ โฟกัสที่กาแฟ ทำให้กาแฟให้มีเอกลักษณ์ และใส่เรื่องราว ให้กับกาแฟ คือสิ่งที่พี่ยิปซีทำ


กาแฟดริปยิปซี อาจจะไม่ใช่ ร้านกาแฟที่อร่อยที่สุด ไม่ใช่ร้านที่มีมุมถ่ายรูปสวยที่สุด


แต่เป็นร้านกาแฟที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจ ที่พร้อมบอกเล่าเรื่องราวแก่ผู้คน

สุดท้าย ใครอยากไปเที่ยวต่อ ผมก็เขียน ที่เที่ยว สกลนคร ฝากติดตามด้วยนะครับ


สวัสดีครับ ณัฐพนธ์ พลศรีดา ผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว และรักที่จะสร้าง content  ชอบงานด้าน seo และมีความฝันว่าจะ นำธุรกิจท้องถิ่น ให้เติบโตบนโลกออนไลน์ สนใจสร้างเว็บไซต์ หรือ จะให้ไปรีวิวร้านกาแฟ มาคุยกันได้เด้อครับ

Nat thaibaan seo
Share by: